ส่วนประกอบสำคัญ :
ถั่วแดง
48.50 %
ข้าวหอมมะลิ
35.25
%
ถั่วเหลือง
10.25 %
ลูกเดือย
5.00 %
งา
1.00 %
วิธีรับประทาน :
นำผงเอนไซม์ 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1
แก้ว
( 250 CC. ) แล้วดื่มให้หมดภายใน
30 นาที
การเก็บรักษา
ควรปิดผาให้สนิท
เก็บในที่แห้งและเย็น
หากร่างกาย
ได้รับเอนไซม์ ไม่เพียงพอจะมีผลกระทบ
ต่อภูมิต้านทาน และ
ระบบอื่นๆ ในร่างกาย
ทั้งหมดสุขภาพจะอ่อนแอลง
และเจ็บป่วยได้ง่าย
...................................................
ทำไม? คนส่วนใหญ่จึงอยู่ในภาวะขาด เอ็นไซม์
รับประทานอาหารสดน้อย
การได้รับเอ็นไซม์ก็น้อยตามไปด้วย
เมื่อเรามีอายุมากขึ้น
ร่างกายจะสร้างเอนไซม์ได้น้อยลงเรื่อยๆ
ความเครียด การเจ็บป่วย
ทำให้การผลิตเอนไซม์ในร่างกายลดน้อยลง
การปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อน ทำให้สูญเสียเอนไซม์ที่มีประโยชน์ไป
การขาดเอนไซม์ สุขภาพของคุณจะเป็นอย่างไร?
การย่อยอาหารไม่มีประโยชน์
ร่างกายได้รับสารอาหารน้อยลง
ลำไส้ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารผ่านเข้าสู่กระแสเลือด
ไปเลี้ยงเซลล์ได้น้อยลง
ขบวนการเผาผลาญและสร้างพลังงานให้กับเซลล์ลดลง
จะรู้สึกอ่อนเพีลยเหนื่อยง่าย
ระบบอวัยวะในร่างกายทั้งหมดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงฮอร์โมนต่างๆ
ไม่สามารถทำงานตามหน้าที่ได้ ถ้าขาดเอนไซม์
การย่อยที่ไม่สมบูรณ์
ทำให้มีเศษอาหารเก่าตกค้าง
หมักหมมในลำไส้ เป็นเหตุ
ให้เกิดพิษในร่างกาย เกิดการเจ็บป่วยและเกิดโรคร้ายต่างๆ
ขบวนการสร้างภูมิต้านท้านในร่างกายลดลงภูมิต้านทานน้อย
มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก
ท้องอืด
ท้องเฟ้อ กรดแก๊สในกระเพาะอาหาร ริดสีดวง
ลมหายใจ
มีกลิ่นเหม็น เป็นต้น.
เอนไซม์ คือ สารโปรตีน
เป็นตัวเร่งการทำงานของระบบต่าง ๆ ในสิ่งมีชีวิต ทำให้เซลล์เป็นล้าน ๆ เซลล์, เนื้อเยื่อ
ของเหลว และอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างปกติ
หากร่างกายขาดเอนไซม์หรือปริมาณเอนไซม์
ลดลง
จะทำให้การทำงานของระบบต่าง
ๆ เช่น การย่อยอาหาร การขับถ่าย การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การขจัดสารพิษของร่างกาย
ระบบภูมิคุ้มกันระบบเลือดในร่างกายผิดปกติ
หน้าที่ของเอนไซม์
- ช่วยย่อยอาหารเพื่อให้ได้สารอาหาร
-
ช่วยดูดซึม และนำพาอาหาร
-
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
-
ช่วยเผาผลาญพลังงาน และย่อยสลายไขมัน
- ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยป้องกันอาการอักเสบ
ติดเชื้อ
- ขจัดสารพิษของร่างกาย/ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ทำให้ฮอร์โมน
วิตามิน เกลือแร่ และสารอื่น ๆ ทำงานตามคุณสมบัต
กินไปมากเท่าไหร่
ก็นำไปใช้ไม่ได้ ถ้าเอนไซม์บกพร่อง
คุณสมบัติของเอนไซม์
- เอนไซม์ที่ร่างกายต้องการมากกว่า
370 ชนิด
- เอนไซม์ไม่อยู่ในรูปเฉื่อยชา
เพียงผสมน้ำอุ่นก็พร้อมทำปฏิกิริยาทันที
- ทำปฏิกิริยาได้ดีเป็น
3 เท่าที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส
- สามารถเก็บรักษาได้นานเป็นแรมปี
- มีสารอาหารครบ
5 หมู่
- สารอาหารจากธรรมชาติ
100% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีใด ๆ
เอนไซม์ Enzymes
ช่วยแก้ปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบอวัยวะต่าง
ๆ ในร่างกาย เช่น
-ระบบหัวใจ/หลอดเลือด
เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง
-ระบบทางเดินอาหาร
การขับถ่าย เช่น โรคกระเพาะ โรคลำไส้อักเสบ ริดสีดวงทวาร มะเร็งกระเพาะ/ลำไส้
ท้องผูกอาหารไม่ย่อย โรคนิ่ว ถุงน้ำดีอักเสบ โรคไตอักเสบ/ ไตวาย
ต่อมลูกหมากโต/มะเร็ง โรคตับ
-ระบบทางเดินหายใจ/ระบบภูมิคุ้มกัน
เช่น โรคไซนัสอักเสบ หลอมลมอักเสบ โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคปอด ไข้หวัดใหญ่
โรคหัดต่าง ๆ ช่วยขจัดสารพิษ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
-ระบบผิวหนัง
เช่น กลาก เกลื้อน บำรุงผิวพรรณ สิว ผ้า รักษาจุดด่างดำ ผิวหนังอักเสบ
รักษาแผลสด/น้ำร้อนลวก/ไฟไหม้/แผลในปาก สะเก็ดเงิน
-ระบบกล้ามเนื้อ
และกระดูก เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โปลิโอ
ปวดเมื่อยลำตัว/ปวดหลัง โรคเก๊าท์ โรคกระดูกพรุน/กระดูกอักเสบ
ไขข้ออักเสบ/รูมาติซึม
-ระบบต่อมไร้ท่อ
เช่น โรคเบาหวาน ต่อมไทรอยต์อักเสบ
-ระบบสืบพันธุ์
เช่น ความผิดปกติของประจำเดือน รักษาความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
-ระบบสร้างเม็ดเลือด
เช่น โรคโลหิตจาง โรคลูคิเมีย
นอกจากนี้เอนไซม์
ยังช่วยในการ :
n ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
หรือการเสื่อมสภาพของอวัยวะ
n ย่อยสลายไขมันส่วนเกิน
n ชลอความชรา
เอนไซม์เรื่องที่ควรรู้
เอนไซม์
แบ่งเป็น 3 ชนิด
1. เอนไซม์จากอาหาร
(Food Enzyme) พบในอาหารดิบทุกชนิด
ถ้ามากจากพืช เรียกว่า เอนไซม์จากพืช (Plant Enzyme)
2. เอนไซม์ย่อยอาหาร
(Digestive Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตโดยร่างกานส่วนใหญ่ผลิตจากตับอ่อน
เพื่อใช้ย่อยและดูดซึมอาหารที่กินเข้าไปทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร (Nutrient) ที่มีคุณค่า
3. เอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงาน
(Metabolic Enzyme) เมตาบอลิค
เอนไซม์ เป็นเอนไซม์ที่ผลิตในเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย
ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาชีวเคมี เพื่อการเผาผลาญสารอาหาร และสร้างพลังงาน
สร้างภูมิต้านทาน สร้างความเจริญเติบโต ตลอดจนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่าง ๆ
หน้าที่สำคัญของเอนไซม์ :
ชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์
เอนไซม์ย่อยอาหาร (Food) ให้เป็นสารอาหาร (Nutrient) ขนาดเล็ก
ถูกดูดซึมผ่านลำไส้เข้ากระแสโลหิต ไปสร้างกล้ามเนื้อ ผลิตฮอร์โมน
สร้างระบบภูมิคุ้มกัน ฯลฯ
เอนไซม์ควรจะถือว่าสำคัญกว่าแก๊สออกซิเจนที่ใช้หายใจ
ชีวิตที่ปราศจากเอนไซม์จะไม่สามารถอยู่ได้
แต่อากาศหรือแก๊สออกซิเจนสำหรับหายใจสำคัญที่สุดต่อมนุษย์
แท้ที่จริงเป็นความสำคัญในระดับหนึ่งเท่านั้น
เพราะแก๊สออกซิเจนที่เราต้องใช้หายใจเกิดจากปฏิกิริยาเคมีในพืชใบเขียวซึ่งผลิตเอนไซม์เป็นตัวเร่ง
โดยเปลี่ยนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ให้เป็นแก๊สออกซิเจน (O2) โดยมีแสงแดดเป็นตัวช่วย
ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีมากพอเพียง
มนุษย์จะอายุยืนถึง 120 ปี
เพราะเซลล์ในร่างกาย สามารถแบ่งตัวได้ตามกำหนดของโปรแกรมในนาฬิกาชีวิต
ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีระดับต่ำ (Low Enzyme
Level) โอกาสที่จะป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ
เกิดได้ง่ายมาก หนังสือ เอนไซม์ในอาหาร (Food Enzyme) ว่า สุขภาพ (Health) คือ
ปฏิกิริยาเคมีของเอนไซม์ที่บูรณาการ (Integrate) เข้าด้วยกันอย่างมีระบบ
จึงทำให้เซลล์ของร่างกายอำเนินไปอย่างปกติสุข
อายุมากขึ้น
เอนไซม์ผลิตได้น้อยลง คุณภาพต่ำ
การขาดเอนไซม์ย่อยอาหารมีได้หลายสาเหตุ
แต่การขาดชนิดเดียวที่ตับอ่อนไม่สามารถแก้ไขได้คือ
การขาดเอนไซม์เนื่องจากมีอายุมากขึ้น หนุ่มสาวอายุ 21-31 ปี
มีเอนไซม์อไมเลสในน้ำลายมากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุ 69-100 ปี ถึง 30 เท่า
อายุมากขึ้นเอนไซม์ผลิตน้อยลงมาก แต่ความต้องการใช้ยังคงเหมือนเดิม
การขาดแคลนเมื่ออายุมากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเอนไซม์
คือ
1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสร้างเอนไซม์ขึ้นมาใช้เองด้วยความสามารถในการผลิตที่แตกต่างกัน
2. เอนไซม์เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์
ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพ ถ้าย่อยได้ไม่ดี
ถึงกินอาหารแสนดีก็ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น
3. เอนไซม์ควบคุม
และเร่งปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด ถ้าไม่มีเอนไซม์ปฏิกิริยาเคมี
จะเกิดช้าจนชีวิตไม่สามารถรอได้
4. เอนไซม์แต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะตัว
และทำปฏิกิริยาเคมีจำเพาะกับสารตั้งต้นที่ถูกกำหนดเท่านั้น
เอนไซม์ชนิดย่อยแห้งจะไม่ย่อยโปรตีน เอนไซม์ชนิดย่อยไขมันจะไม่ย่อยแป้ง
5. เอนไซม์ถูกทำลายโดยง่ายที่ความร้อนสูงเกิน
118 องศาฟาเรนไฮต์ หรือเอนไซม์เปราะบางมาก
6. การแช่แข็ง
ไม่ทำลายความสามารถของเอนไซม์
7. การขาดเอนไซม์ส่วนใหญ่เกิดขึ้น
เพราะไม่รักษาสุขภาพของตนเอง บางกรณีเกิดจากปัญหากรรมพันธุ์
8. เอนไซม์ที่มีระดับต่ำ (Low
Enzyme Level) ในร่างกายสัมพันธ์กับโรคของความเสื่อมต่าง
ๆ (ถ้าเอนไซม์ต่ำมาก โรคแห่งความเสื่อมก็เกิดขึ้นมากตาม)
วิตามินหรือเกลือแร่สำคัญ
ๆ
ถ้าไม่มีเอนไซม์
วิตามินก็คือ เศษผงธรรมดาเซลล์ทั้ง 60 ล้านล้านเซลล์
ต้องใช้เอนไซม์เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมี ถ้าไม่มีเอนไซม์ ชีวิตจะดำรงอยู่ไม่ได้
วิตามิน เกลือแร่ คือ ตัวร่วมกับเอนไซม์ (Coenzyme) โดยตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าไม่มีเอนไซม์ร่วมด้วย วิตามิน เกลือแร่ก็เปล่าประโยชน์
เอนไซม์เป็นผู้สร้างเซลล์ สร้างอวัยวะ สร้างร่างกาย และสร้างชีวิต
เอนไซม์คือพลังของชีวิต Enzyme
is the Life Force
ความสำคัญของเอนไซม์
คือ การสร้างเฮโมโกบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดงเพื่อนำออกซิเจนไปให้อวัยวะทั่วร่างกาย
คนจำนวนมากกระดูกเปราะบางจากการกินอาหารที่ขาดเอนไซม์ ไม่สามารถนำแคลเซียมมาใช้ได้
โปรตีนไม่สามารถเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโน เพราะไม่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน
และร่างกายอาจจะซ่อมแซมตนเอง หรือป้องกันอันตรายอันเกิดจากเชื้อโรค
นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายที่สนใจในวิชาเอนไซม์เริ่มยอมรับว่า
เมื่อก่อนเข้าใจผิดคิดว่าเอนไซม์ในร่างกายของเรา มีจำนวนคงที่ตลอดเวลา
และมีให้ใช้ไม่รู้จักหมด (Constant and last forever) คิดเอาเองว่าสามารถนำมาใช้แล้ว
ใช้ได้อีก จนกระทั่งมีการวิจัยหลายครั้งโดยกลุ่มนักวิชาเคมีจึงรู้ว่า เอนไซม์ในร่างกายคนเรามีจำนวนจำกัด
มีวันเสื่อมสภาพ ถ้าใช้มากก็หมดเปลืองเร็ว ถ้าเป็นโรงงานก็จะต้องหาแม่ปั๊มใหม่มาเปลี่ยน
แต่ร่างกายคนเราไม่สามารถหาแม่ปั๊มใหม่มาเปลี่ยนได้ ชีวิตจึงสิ้นสภาพ
สิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ
ดินที่ปราศจากเกลือแร่ อาหารที่ปรุงสำเร็จ การใช้ไมโครเวฟทำอาหาร การทำงานหนัก
ความเครียดเหล่านี้เป็นตัวทำให้เอนไซม์ โคเอนไซม์ บกพร่องทั้งในอาหาร
และในตัวเราเองเป็นอันตรายต่อสุขภาพชีวิตได้
การแก้ปัญหาซึ่งง่านเหมือนเส้นผมบังภูเขา เมื่อขาดอาหารเสริม ด้วยการกินอาหารดิบ
และสดให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ถ้าทำได้ยากวิธีแก้คือ กินเอนไซม์เสริม (To offset this
los, we need to supplement our life Force with oral enzyme supplement)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น